Header Image
“ธนินท์ เจียรวนนท์” มองเศรษฐกิจไทยหลังเปลี่ยนผ่านรัฐบาล
watermark

“นายธนินท์ เจียรวนนท์” ประธานอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวปาฐกถาพิเศษว่า เราต้องชมเชยรัฐบาลชุดที่ผ่านมา ภายใต้การบริหารงานของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในด้านการบริหารวินัยการเงิน การคลัง ทำให้การเงินของประเทศไทยอยู่ในระดับท็อปของโลก หนี้ต่อจีดีพีของประเทศ เพียง 61% ขณะที่หลายประเทศเกิน 100%

แต่วันนี้เศรษฐกิจของโลกไม่เหมือนกัน เรามีวินัยการเงินดีเกินไป ถ้าดีเกินไปมันก็เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ ผมเชื่อว่าโลกนี้กำลังเข้าสู่วิกฤตเศรษฐกิจ ยกเว้น สหรัฐอเมริกา ที่ทุกคนยังเชื่อมั่น แม้การเงินของอเมริกาเจอปัญหา อเมริกาขึ้นดอกเบี้ย ส่งผลให้เงินไหลเข้ามากขึ้น แม้ว่าอเมริกามีหนี้สูงเกิน 100% ต่อจีดีพี แต่คนก็ยังให้ความเชื่อมั่นการเงินของอเมริกา

สำหรับการบริหารประเทศภายใต้รัฐบาลชุดใหม่ ผมมีความเชื่อมั่นสูงมากว่าเข้ามาในเวลาที่ถูกต้อง ที่จะมาแก้ไขเรื่องเศรษฐกิจโดยเฉพาะจากประสบการณ์ด้านบริหารธุรกิจที่เติบโตอันดับ 1 ด้านอสังหาริมทรัพย์ การดูแลวินัยการเงิน ของนายกฯเศรษฐา ได้อย่างเยี่ยม การออกบอนด์ 4% แสดงให้เห็นว่าไม่ใช่เป็นนักธุรกิจอสังหาฯอย่างเดียว แต่เป็นนักบริหารการเงินอย่างยอดเยี่ยม

เหตุการณ์ของโลก ผมมีความมั่นใจว่า มาตรการที่รัฐบาลออกมา ทุกอย่างถูกต้อง เพราะเศรษฐกิจไม่ปกติ การเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจในภาวะที่ไม่ปกติ เป็นสิ่งที่ต้องดำเนินการ เพราะประเทศเปิดแล้วไม่ได้เจอวิกฤตโควิด-19 อย่าง 3 ปีที่ผ่านมา

สินค้าเกษตร “น้ำมันบนดิน”

นโยบายพักหนี้เกษตรกร ผมเห็นด้วยอย่างยิ่ง ไม่ใช่ว่าพักนี้เกษตรกรแล้วก็เสียวินัยการเงิน ผมขอถามว่าในโลกนี้ประเทศไหนที่เจริญรุ่งเรืองได้โดยไม่ปกป้องราคาสินค้าเกษตร เพราะสินค้าเกษตรเปรียบเสมือนน้ำมันบนดินของประเทศไทย

เรามองว่าสินค้าเกษตรไม่ค่อยมีค่าเท่าไหร่ แต่พอปลูกเสร็จ ข้าวเปลือกขายเข้าโรงสี ตัวเงินไม่ใช่ของเกษตรแต่ได้ส่งต่อไปยังอุตสาหกรรม ไปเพิ่มมูลค่า อย่างอ้อยเกษตรกรขายอ้อยเข้าโรงงาน เป็นน้ำตาลก็กลายเป็น สินค้าของอุตสาหกรรมไปแล้ว ลองคิดดูสินค้าเกษตร เราผลิตได้เกือบจะได้ 100% งอกจากแผ่นดินไทย บางอย่าง ปุ๋ย อาจจะนำเข้า แล้วถ้าหากว่าสินค้าเกษตรเพิ่มมูลค่าขึ้นอีก 2-3 เท่า ประเทศไทยจะมีรายได้ของประเทศไทยที่แท้จริง

ถ้าประเทศอยู่ไม่ได้ ประชาชนไม่มีกำลังซื้อ แล้วพวกเรามีสินค้าจะขายให้ใคร

“ผมเห็นด้วยกับการออกโครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาท และสนับสนุน เราต้องช่วยกันพูดว่านี่ไม่ใช่ไปช่วยเหลือคนยากจน แต่เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจต้องให้เข้าใจ

แล้ววินัยทางการเงินเรายังไม่ได้เสียเลย แต่แล้วพอเรากระตุ้นแล้วก็ต้องมีแผนสอง ทั้งระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาว เชื่อมั่นว่าถ้านักธุรกิจ ข้าราชการ นักการเมือง มองประเทศชาติเป็นหลัก เอาตัวเองเป็นที่ 3 เชื่อมากว่าประเทศไทย ภายใต้การนำรัฐบาลชุดใหม่ ต้องทำให้ประเทศเจริญรุ่งเรืองแน่นอน เพราะมีความเชื่อมั่นมาก”

อย่ากลัวเงินเฟ้อ

ทุกวันนี้ใคร ๆ ก็อยากจะมาอยู่เมืองไทย ขณะที่โลกเจอวิกฤต ยกเว้นอเมริกาวิกฤต แต่ดูแล้วอเมริกายังเป็นผู้นำเศรษฐกิจ แม้เงินเฟ้อ 4% แต่จีดีพีโต 10% อย่าไปกลัวเงินเฟ้อ ให้เงินเฟ้อบ้าง สิ่งที่กังวลมากกว่าคือ เงินฝืดที่อันตราย เหมือนความดัน หัวใจหยุดเต้น เศรษฐกิจ ประเทศชาติล้มละลาย ถ้าหากเงินเฟ้อยังมีโอกาสแก้ไข เหมือนความดันสูงยังมียาควบคุมง่ายกว่าความดันต่ำ

“วันนี้ผมห่วงที่สุด ผมไม่ได้ห่วงว่าเงินเฟ้อ ผมห่วงที่สุดคือ เงินฝืด วินัยการเงินเราเยี่ยมมาก เอามาใช้กระตุ้นเศรษฐกิจ”

วิกฤตในปัจจุบันไม่เหมือนวิกฤตต้มยำกุ้ง เศรษฐกิจมีปัญหา และประเทศไทยการเงินของเรายังอยู่ในท็อปของโลก ดังนั้นทั่วโลกมองแล้วว่า อาเซียน 10 ประเทศ และประเทศไทยน่าลงทุน

วิกฤตเป็นโอกาส

วิกฤตของโลก ผมกลับมองว่าเป็นโอกาสของประเทศไทย ผมมีความเชื่อมั่นแบบนี้ ผมอาจจะพูดผิด แต่ผมเชื่อมั่นมากกว่า เพราะดู ๆ ไปแล้วประเทศไทยปลอดภัยที่สุด ไม่ได้ขัดแย้งใคร อาเซียน 10 ประเทศ มีความอุดมสมบูรณ์กำลังเติบโต ประชากรเติบโต จำนวนมากขึ้น

“เวียดนามกำลังจะมีประชากร 100 ล้านคน มีแต่ประเทศไทยกำลังเข้าสู่ผู้สูงอายุ ซึ่งเร็วไปหน่อย ปัญหาของไทยกำลังกลายเป็นประเทศแรกในอาเซียนที่มีผู้สูงอายุ หลายประเทศมีการเติบโตของประชากร ไทยเหลือประชากรไม่ถึง 70 ล้าน อันนี้อันตราย แต่ไม่กลัวครับ เรามีโอกาสถ้าเรามีรัฐบาลที่เข้าใจ แล้วประชาชนเข้าใจ ร่วมแก้ปัญหา”

ผมว่าประเทศไทยเนื้อหอม ในโลกมีคนเก่งอยากจะมาอยู่เมืองไทย เพียงแต่เราเข้าใจผิด เรากลัวว่าเข้ามาแย่งอาชีพคนไทย ผมว่าไม่ใช่ ถ้าเรารู้จักออกกฎเกณฑ์ กฎระเบียบ ไปชักชวนคนเหล่านี้มาเป็นคนไทยไปเลย เรามีประชากรเกือบ 70 ล้านคน หากนำเข้ามา 5 ล้านคน จะช่วยพัฒนาประเทศเกิดการจ้างงาน

เพราะบางอย่างต้องยอมรับว่าบุคลากรของเรายังไม่มีความรู้ในด้านเทคโนโลยีไฮเทค ถ้าประเทศไทยมีบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ เชื่อว่าจะยกระดับประเทศไทยให้ดีขึ้น แต่รัฐบาลต้องให้เอื้อความสะดวกด้านกฎหมาย

ปรับกลยุทธ์ธุรกิจ

นักธุรกิจส่วนใหญ่เป็นนักธุรกิจตัวหนัก การผลิตเป็นตัวหนัก แต่ขายออนไลน์ซื้อมาขายไปเป็นตัวเบา วันนี้เราต้องมองทั้งตัวเบาและตัวหนัก อะไรที่จับต้องได้ต้องทำ ถ้าออนไลน์ขายได้มากใครผลิตสินค้าให้ แต่ยุคนี้กำลังเข้าสู่ยุคสำคัญ ที่เราต้องเปลี่ยนการผลิตให้มันไฮเทคขึ้น ให้มันทันสมัยขึ้น เร็วขึ้น ถูกลง เพื่อรองรับสิ่งที่เปลี่ยนแปลง

ฝากรัฐบาล เราควรจะมีกองทุนสนับสนุน มีผู้เชี่ยวชาญมาช่วยชี้แนะ นักธุรกิจไทยผมเชื่อว่าไทยไม่แพ้ใคร รัฐบาลต้องมีการเงินเข้ามาสนับสนุนและเอาความรู้คนเก่ง ๆ ที่มาช่วยประเทศไทย และก้าวหน้าไปด้วยกัน

สุดท้าย ออนไลน์ยิ่งมากก็ต้องพึ่งผู้ผลิตมากขึ้น อะไรที่จะจับต้องได้ก็ต้องผลิต จะไปขายออนไลน์ก็ยิ่งมาพึ่ง พวกเรา เราเป็นธุรกิจตัวหนัก และเป็นธุรกิจหลักของชาติของเศรษฐกิจ ก็หวังว่าทุกคนจะมีอนาคตและรับการเปลี่ยนแปลงให้ทัน บริหารจัดการใช้ระบบใหม่ ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น และไม่ใช่อาศัยค่าแรงงานถูก หมดยุคแล้ว แต่ค่อย ๆ เปลี่ยน ซึ่งเราต้องเตรียมความพร้อมการเปลี่ยนแปลง


Line

คะแนนโหวต :
starstarstarstarstar
จำนวนการเข้าชม : 158,895